สมชาย ปรีชาศิลปกุล
การประกันตัวในคดีอาญาถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สำคัญประการหนึ่ง เนื่องจากการกล่าวหาว่าบุคคลใดได้กระทำความผิดในทางอาญา
หรือ
ไม่ก็ยังถือเป็นขั้นตอนในเบื้องต้นของกระบวนการยุติธรรม
บุคคลนั้นยังมีสถานะเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกฎหมาย
ตราบจนกระทั่งจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดตัดสินลงโทษบุคคลดังกล่าว
การ
ประกันตัวจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการคุ้มครองสิทธิของปัจเจกบุคคลไม่ให้
ได้รับความเสียหายในระหว่างที่ยังไม่ได้ถูกตัดสินว่าเป็นผู้กระทำความผิด
ในอดีตที่ผ่านมา
ได้เคยมีบุคคลจำนวนไม่น้อยซึ่งถูกกล่าวหาและดำเนินคดีโดยที่ไม่ได้รับการ
ประกันตัว แต่ต่อมา ในภายหลังศาลได้มีคำตัดสินยกฟ้องว่ามิได้กระทำความผิด
ซึ่ง
แม้ว่าจะเป็นผู้บริสุทธิ์จากคำตัดสินของศาล
แต่ก็ต้องติดคุกอยู่ในระหว่างขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมเป็นระยะเวลานาน
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ย่อมสร้างความเสียหายแก่บุคคลนั้นอย่างสำคัญ
ไม่
ว่าจะเป็นในแง่ของการสูญเสียโอกาสด้านต่างๆ ความก้าวหน้าในการประกอบอาชีพ
ผลกระทบที่มีต่อครอบครัวและบุคคลอันเป็นที่รัก
เสรีภาพในการแสวงหาความรื่นรมย์ตามปกติที่บุคคลทั่วไปพึงมี
หรือความยากลำบากที่ต้องถูกกักกันเอาไว้
ด้วย
การตระหนักถึงผลกระทบในด้านลบที่มีต่อบุคคลอย่างสำคัญ
จึงทำให้มีความพยายามที่จะปรับปรุงให้เกิดสิทธิในการประกันตัว
ซึ่งจะช่วยลดทอนปัญหาดังกล่าวให้น้อยลง
การแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในห้วงเวลาที่ผ่านมา
เพื่อสนับสนุนสิทธิในการประกันตัวให้เข้มแข็งมากขึ้น
บนหลักการที่ว่าการประกันตัวต้องเป็นหลักทั่วไปที่บุคคล
ซึ่งต้องเป็นผู้ต้องหาสามารถได้รับอย่างทั่วถึง
การไม่ให้ประกันตัวจะเป็นข้อยกเว้นในกรณีที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหากอนุญาต
แล้วจะนำมา ซึ่งปัญหาต่อการดำเนินคดีที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า เช่น
การหลบหนีจากการประกันตัว
การเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือคุกคามกับพยานหลักฐานในคดี เป็นต้น
ถึง
แม้จะมีความพยายามในการปรับเปลี่ยนหลักการเรื่องการประกันตัวเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญประการหนึ่งในการประกันตัว
ที่ปรากฏให้เห็นอยู่อย่างบ่อยครั้ง ก็คือ
การตกเป็นผู้ต้องหาในคดีซึ่งมักพิจารณาว่าเป็นคดีที่มีโทษรุนแรงหรือส่งผล
กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนอย่างกว้างขวาง
ผู้ซึ่งกลายเป็นผู้ต้องหามักจะไม่ได้โอกาสในประกันตัว
การ
ไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวในคดีประเภทนี้
ในเบื้องต้นมักเป็นคดีอุกฉกรรจ์ดังเช่นใน
คดีการฆ่าผู้อื่นอย่างเหี้ยมโหดหรือคดียาเสพติดซึ่งมีหลักฐานเป็นจำนวน
มหาศาล
และคดีอีกประเภทหนึ่งมักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันประเด็นทางการเมืองอย่าง
ใกล้ชิด เช่น ผู้ต้องหาในคดีกระทำความผิดฐานก่อการร้ายหรือความผิดตามมาตรา 112
ของประมวลกฎหมายอาญา เป็นต้น
การประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีลักษณะดังกล่าวนี้มักไม่ประสบความ
สำเร็จเท่าใด ด้วยเหตุผลว่าถูกกล่าวหาในการกระทำซึ่งเป็นความผิดรุนแรง
คำถามสำคัญ ก็คือ ในกรณีของคดีที่ข้อกล่าวหาซึ่งมีความรุนแรงนั้นมักจะมีการพิจารณาอย่างเข้มงวดมากกว่าปกติในขั้นตอนการประกันตัว
มอง
ในด้านของเจ้าหน้าที่รัฐ
การให้ความสำคัญต่อการประกันตัวบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่รุนแรงก็จะ
เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ
ซึ่งจะสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้ไม่ให้หลบหนีและหากมีการตัดสิน
ลงโทษก็จะสามารถลงโทษบุคคลดังกล่าวได้ทันที
แต่
ในทางตรงกันข้าม
การตกเป็นผู้ต้องหาในคดีรุนแรงไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะต้องกระทำความ
ผิดเสมอไป
เฉพาะอย่างยิ่งหากคิดในเงื่อนไขของสังคมไทยจะพบว่าบุคคลสามารถตกเป็นผู้ต้อง
หาในคดีอุกฉกรรจ์ได้อย่างไม่ยากเย็น
มีผู้คนจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตกอยู่ในกระบวนการยุติธรรม
อย่างยาวนานในข้อหาเป็นผู้ก่อความไม่สงบโดยไม่ได้รับการประกันตัว
และในท้ายที่สุด คดีก็ยุติลงด้วยการยกฟ้องจากศาล
หรือในกรณีมาตรา 112
ของประมวลกฎหมายก็เช่นเดียวกัน
ด้วยการริเริ่มคดีที่เปิดกว้างให้กับบุคคลใดก็ได้ในการนำคดีไปสู่กระบวนการ
ยุติธรรม เป็นให้บุคคลจำนวนหลายร้อยคนตกเป็นผู้ต้องหาตามมาตรานี้
และเนื่องจากมาตรานี้เป็นส่วนหนึ่งของหมวดความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่ง
ราชอาณาจักรก็ทำให้กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีที่มีความรุนแรง
สิทธิ
การประกันตัวจึงเป็นสิ่งที่มักถูกพิจารณาอย่างเข้มงวด
โดยอาจละเลยต่อหลักการประกันตัวว่าบุคคลสามารถเข้าถึงสิทธินี้ได้ตราบยังที่
ยังไม่ชัดเจนว่าจะส่งผลร้ายอย่างรุนแรงต่อคดี
ท่าม
กลางความขัดแย้งที่มีอยู่อย่างกว้างขวางในสังคมไทยและมีบุคคลจำนวนมากต้องตก
อยู่ในอุ้งมือของกระบวนการยุติธรรม
ในหลายประเด็นยังอาจเป็นข้อถกเถียงซึ่งต้องใช้เวลาและหาข้อยุติถึงความเหมาะ
สมว่าเนื้อหาของกฎหมายนั้นๆ จะมีสาระอย่างไรบ้าง
แต่
เงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งที่จะช่วยทำให้เกิดความเป็นธรรมขึ้นระหว่างผู้คน
ฝ่ายต่างๆ ก็คือ การยืนอยู่บนหลักการพื้นฐานสำคัญของระบอบเสรี/ประชาธิปไตย
สิทธิในการประกันตัวก็นับเป็นหลักการพื้นฐานประการหนึ่ง
ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดการต่อสู้และโต้แย้งกันระหว่างผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าว
หาที่เท่าเทียมกันมากยิ่งขึ้น
การ
จะไม่ให้ประกันตัวบุคคลใดจึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบบนหลักฐานที่
ชัดเจนว่าจะส่งผลกระทบต่อคดีนั้นๆ
ลำพังเพียงข้อกล่าวหาที่รุนแรงเพียงอย่างเดียวยังไม่อาจเพียงพอต่อการปฏิเสธ
สิทธินี้
มิฉะนั้นแล้วจะเท่ากับว่าบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอุกฉกรรจ์ได้กลายเป็น
บุคคลที่ไร้สิทธิในการประกันตัวอย่างสิ้นเชิง อันหมายถึง
การทำให้บุคคลต้องถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานไปแม้ว่ายังอยู่ในฐานะของผู้
บริสุทธิ์ก็ตาม
0 comments:
Post a Comment