Thursday, October 25, 2012

ถูกตัดสินประหารเพราะศาลเข้าใจผิด

เรื่องที่จับใจประชาชนอย่างร้ายแรง มีอยู่เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องปล้นรถบรรทุกเงิน โจเสฟ เลอซูร์ก ถูกหาว่าสมคบกันปล้น ฆ่าคนขับรถและเจ้าหน้าที่ผู้คุมเงิน ศาลตัดสินประหารชีวิต แต่ความตายของเขาไม่ได้ทำให้จิตใจของประชาชนสงบลงได้ แม้เรื่องนี้จะผ่านไปแล้วเป็นเวลาสองร้อยปี คนก็ยังกล่าวถึงอยู่เสมอ
เป็นเรื่องแบบเดียวกับภาพยนตร์อเมริกัน แต่เกิดขึ้นในศาลยุติธรรมของประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 8 เดือนฟลอเรอัล ปีที่หก (เดือนฟลอเรอัลอยู่ในปฏิทินของพวกขบฎฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 20 เมษายน กับวันที่ 19 พฤษภาคม) รถไปรษณีย์บรรทุกธนบัตรเจ็ดล้าน เงินอีกกว่าหมื่นสามพันปอนด์ เครื่องเงินและเครื่องทองอีกเป็นอันมาก พอที่จะให้ผู้ร้ายทุกชนิดออกกำลังได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น กล่าวคือเมื่อใกล้จะถึงเมืองเมอเลิง ตำรวจได้พบหีบไปรษณีย์ว่างเปล่า และที่ใกล้ ๆ นั้นมีศพอยู่สองศพ เป็นคนขับรถกับเจ้าหน้าที่ผู้คุมเงิน ทั้งสองถูกแทง
ผู้ร้ายทั้งหมดมีหกคน
พยานหลักฐานในเรื่องนี้ได้มาจากบุคคลต่าง ๆ จากที่ต่าง ๆ ซึ่งรถบรรทุกได้ผ่านมา ผู้พิจารณาคดีคือ ท่านผู้พิพากษา โดเบนตอง ได้สอบสวนแล้วเห็นชัดแจ้งว่า ผู้ร้ายรายนี้มีทั้งหมดหกคน ในจำนวนนี้สี่คนมีม้า และสี่คนนี้เป็นผู้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ และก่อนวันเกิดเหตุหนึ่งวัน คนทั้งสี่นี้ได้ไปกินอาหารในภัตตาคารแห่งหนึ่ง และคนหนึ่งมีสเปอร์เงินหักไปข้างหนึ่ง
ภายในไม่ถึงห้าสัปดาห์ โดเบนตอง จับผู้ต้องสงสัยได้ห้าคน ในจำนวนนี้มีคนหนึ่งชื่อ เกโนต์ ถูกจับโดยไม่รู้เรื่อง แต่ต้องสงสัยว่าเป็นเพื่อนของผู้ร้าย เมื่อไต่สวนแล้วผู้พิพากษาก็ปล่อยตัว แต่ยึดบัตรประจำตัวไว้ก่อน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ผู้พิพากษาบอกเกโนต์ว่า อีกครึ่งเดือนให้มาเอาบัตรประจำตัวที่ศาลากลางปารีส
เรื่องระเบียบง่าย ๆ เท่านี้ได้ก่อให้เกิดเหตุอันน่าสลดใจอย่างใหญ่หลวง เกโนต์ปฏิบัติไปตามซื่อ พอถึงกำหนดก็ไปศาลากลาง ไปกลางทางเจอเพื่อนซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่อยู่ที่ ดูไว เพื่อนคนนี้ชื่อ โจเสฟ เลอซูร์ก  เกโนต์บอกกับเลอซูร์กว่า ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น
เลอซูร์กก็รับ แต่พอขึ้นไปบนศาลาที่ระเบียง ณ ที่นั้นมีพยานมากมายนั่งรอผู้พิพากษา ในบรรดาพยานมีผู้หญิงสองคนเป็นคนใช้อยู่ในภัตตาคาร ซึ่งพวกผู้ร้ายไปกินอาหารเมื่อก่อนวันเกิดเหตุ ผู้หญิงสองคนนั้น พอแลเห็นเลอซูร์ก ซึ่งเป็นคนร่างใหญ่ ผมทอง ตาสีน้ำเงิน ก็สะดุ้งตื่นตกใจ วิ่งเข้าไปหาผู้พิพากษาในห้องตัดสินความ บอกผู้พิพากษาว่า คนนี้แหละที่ขี่ม้าไปที่ภัตตาคาร ฉันยกอาหารให้เขากิน ฉันจำได้
ผู้หญิงสองคนนี้ตื่นเต้นและแน่ใจที่สุด จำหน้าคนร้ายได้แม่นยำ จนโดเบนตองแม้จะแปลกใจว่าผู้ร้ายฆ่าคนมาศาลเอง ก็คล้อยตามไปด้วย และถามเลอซูร์กว่า  บัตรประจำตัวอยู่ไหน?
เลอซูร์กไม่มี ตอบว่า ผมไม่เคยออกจากปารีสเลย เลอซูร์กประหลาดใจ แต่ก็ไม่สงสัยว่าตัวเป็นผู้ร้าย ผู้พิพากษาจึงเรียกพยานที่คอยอยู่ที่ระเบียง พยานเหล่านี้เป็นชาวเมือง มองเจอรองและลิเออแซงต์ ซึ่งเคยเห็นผู้ร้ายที่ขี่ม้าดังกล่าว พยานก็ยืนยันว่า ใช่ คนนี้แหละ
เลอซูร์กร้องว่า ผมไม่มีความผิด และก็ตกใจเป็นที่สุด
เกโนต์เพื่อนของเขาก็ช่วยพูด เขาบริสุทธิ์ ผมเจอเขาตามทางก็ชวนเขามาด้วย
แต่ลักษณะของเลอซูร์กตรงกับผู้ร้ายสเปอร์เงินทุกอย่าง ผู้พิพากษาจึงร้องเรียกตำรวจ จับคนผู้นี้!” เลอซูร์กจะคัดค้านอย่างไร ผู้พิพากษาก็ไม่ฟังเสียง เกโนต์ผุ้ช่วยแก้ตัวก็ถูกจับกุมด้วย
เลอซูร์กขึ้นศาล
คดีนี้มีประชาชนมาฟังเป็นอันมาก โดเบนตองขอลงสิทธิ์ไม่ว่าความ ผู้พิพากษา เมอแนสสิเอร์ เมืองเมอเลิง ไต่สวนแทน ตำรวจพาผู้ต้องหาเข้าไปในคอกจำเลย มีกูริออล(ซึ่งจะรับสารภาพทีหลัง) เกโนต์  เลอซูร์กซึ่งหน้าซีดเหมือนคนตาย แบร์นาร์ดผู้ซึ่งให้คนร้ายยืมม้า และอีกสามคนซึ่งไม่รู้เรื่องแต่ถูกจับ
การไต่สวน เลอซูร์กไม่มีประวัติร้าย เคยเป็นทหารยศนายสิบโท ปลดกองหนุนออกไปทำราชการ เป็นคนฉลาด ซื่อสัตย์ สุจริต ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกการเงินของชาติ มีภรรยา มีบุตรสามคน
สมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง ใครไม่รู้จักหมุนเงินบ้าง ยกมือขึ้น เลอซูร์กร้องในศาลเมื่อถูกติเตียน
แต่พยานหลายคน ตั้งแต่สาวใช้สองคนที่ประจำภัตตาคาร ชาวนา เจ้าของร้านเหล้าคนหนึ่ง และพ่อค้าหนังกระต่ายอีกคนหนึ่ง เบิกความว่า รู้จัก คนนี้แหละ คือ ชายร่างใหญ่ ผมทอง สเปอร์เงินหักข้างหนึ่ง
ไม่จริง ผมไม่มีความผิด!” เลอซูร์กร้องไม่หยุด
เพื่อนหญิงของกูริออล เบิกความเข้าข้างเลอซูร์กว่า ฉันไม่เคยเห็นหน้าคนผู้นี้อยู่ในพวกเพื่อนของสามีฉันเลย ผู้ร้ายตัวจริง คือ ดูบอสก์  วิดัล  รูสสี....
คนทั้งสามที่ออกชื่อมานี้ยังไม่ได้ถูกจับ เชื่อกันว่าข้ามเขตแดนไปแล้ว คณะขุนศาลก็รู้และหวาดไหวต่อคำให้การของหญิงผู้นั้น โดเบนตองผู้พิพากษาคนเดิม ถูกเบิกตัวเข้ามาเป็นพยานให้การยืนยันว่า เขาจับเลอซูร์กเพราะหญิงสองคนนั้นชี้ตัว เพียงเท่านี้จะเป็นหลักฐานว่าจำเลยมีความผิดได้หรือ และจำเลยก็อ้างหลักฐานที่อยู่ในเวลาเกิดเหตุและมีพยานรู้เห็น เรื่องก็ควรจะหมดเท่านี้ เลอซูร์กจะต้องถูกปล่อยตัวให้พ้นข้อหาในวันนั้นเอง
พยานเท็จ
ชะตาถึงฆาต ช่างทองผู้หนึ่งต้องการช่วยเพื่อน ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ตั้งหลักฐานเท็จขึ้น หมายจะทำดีแต่ตรงกันข้าม ช่างทองผู้นี้ไปให้การเป็นพยานที่ศาลว่า  เมื่อวันที่ 8 เดือนฟลอเรอัล นั้น เลอซูร์กมาซื้อช้อนเงิน เขาขายให้แล้วก็ลงบัญชีไว้ บัญชีดังกล่าวได้ผ่านคณะลูกขุนศาลทีละคน ๆ ในที่สุดก็ตกถึงมือผู้พิพากษา คนผู้นี้พิจารณาตัวหนังสืออย่างละเอียดแล้วก็ร้องว่า วันที่ถูกแก้!”
จริงแล้ววันที่ 9 ถูกขูดออกใส่เลข “8” แทน คณะขุนศาลร้องกันอื้ออึงและหันไปมองดูช่างทอง อย่างเคร่งเครียด ช่างทองก็หงายท้องออกจากคอกพยานเข้าไปอยู่ในคอกจำเลย รุ่งขึ้นจึงได้ถูกปล่อยตัว แต่เรื่องมันก็แล้วไปแล้ว เลอซูร์กถูกตัดสินประหาร กูริออลและแบร์นาร์ดก็เช่นเดียวกัน พออ่านคำพิพากษาจบ เลอซูร์กก็เดือดดาลร้องว่า ท่านฆ่าผู้ไม่มีความผิด สักวันหนึ่งความบริสุทธิ์ก็จะปรากฏ เลือดของผมจะตกลงบนศีรษะของคณะผู้พิพากษา
การประกาศอันน่าหวาดเสียวนี้ ไม่เกิดผลแม้แต่น้อย ส่วนกูลิออลเมื่อรู้ตัวว่าจะต้องตายก็แสดงบทบาทอย่างถูกต้อง ลุกขึ้นกล่าวแก่ศาลว่า เลอซูร์กบริสุทธิ์ ไม่เคยร่วมคิดกับพวกเราเลย
หามีคนฟังไม่ ตำรวจก็พาจำเลยทั้งสามไป แต่กูริออลนั้นไม่ยอมซัดพรรคพวก ต่อมามีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งไปเยี่ยม กูริออลก็เล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมดว่า ผู้ร่วมคิดอีกสี่คนซึ่งยังจับไม่ได้นั้น คือ ดูบอสก์  วิดัลหรือลาเฟลอร์  ดูโรซาต์หรือลาบอร์ด และรูสสีชาวอิตาลี  เจ้าหน้าที่ไม่กระเทือนต่อคำให้การของกูลิออล ผู้ซึ่งคัดค้านต่อไปอีกเป็นลายลักษณ์อักษรถึงคณะผู้พิพากษาว่าเลอซูร์กเป็นคนบริสุทธิ์ ถูกตัดสินก็เพราะหน้าตาเหมือนดูบอสก์ ดังนั้นก็ได้มีการพิสูจน์ความจริงกันอีกครั้งหนึ่ง แต่คำให้การของเพื่อนหญิงที่ว่า ดูบอสก์คือคนที่มีสเปอร์เงิน นั้นมาช้าเกินไป วันที่ 9 เดือนแตร์มิดอร์ เลอซูร์กก็ขึ้นตะแลงแกงพร้อมดัวยกูริออลและแบร์นาร์ด และตั้งแต่วันนั้นก็มีคนสงสัยว่า การประหารชีวิตครั้งนี้จะไม่ได้ทำไปโดยเบาความหรือ?
ก่อนวันถูกประหาร เลอซูร์กอำลาบุตรภรรยา ผู้ซึ่งต่อมาจนขั้นลูกหลานไม่เคยได้รับการยกความผิด ที่ทำให้เสื่อมเสียนั้นเลย
ขอให้กลับสัตย์ แต่คนก็ตายไปแล้ว
ผู้พิพากษา โดเบนตอง ไม่มีความสุขใจ เพราะเชื่อว่าเลอซูร์กเป็นผู้บริสุทธิ์ และเขาก็เป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนรับผิดชอบในการตัดสิน ดังนั้นเขาจึงสืบสวนใหม่อย่างลับ ๆ ในที่สุดก็ได้ตัวคนร้ายซึ่งอยู่ในคุกแล้ว คือ ดูโรชาต์ หรืออีกชื่อหนึ่ง ลาบอร์ด คนผู้นี้สารภาพว่า เขาใช้ชื่อลาบอร์ดจริง ได้สมคบกันปล้นรถไปรษณีย์ที่ลิอองจริง ผู้สมรู้ร่วมคิดทำการปล้นที่ยังไม่ถูกจับก็คือ วิดัลหรือลาเฟลอร์คนหนึ่ง ดูบอสก์คนหนึ่ง และอิตาลี รูสสีอีกคนหนึ่ง เป็นชื่อที่ได้สืบสวนมาแล้วทั้งนั้น  โดเบนตองถามดูโรชาต์ว่า เลอซูร์กเป็นพรรคพวกหรือเปล่า ดูโรชาต์ตอบว่า ไม่รู้จัก
โดเบนตอง ได้พบวิดัลหรือลาเฟลอร์อีก อยู่ในคุกเหมือนกัน แต่วิดัลปฏิเสธทั้งหมด แม้จะเรียกดูโรชาต์และเจ้าของร้านมายืนยันก็ไม่รับ แต่วิดัลก็ถูกประหารชีวิตพร้อมกับดูโรชาต์
โดเบนตองพยายามต่อไปอีก ในที่สุดก็จับดูบอสก์ได้ ดูบอสก์รูปร่างหน้าตาเหมือนเลอซูร์ก จนทำให้เลอซูร์กต้องตาย  แต่ในระหว่างสี่ปีที่ยังจับดูบอสก์ไม่ได้นั้น ไม่มีใครรู้จักดูบอสก์อย่างแน่นอนเลย  ดูบอสก์ถูกตัดสินประหารชีวิตเหมือนกันในฐานะผู้ร่วมการปล้นครั้งนั้น
ในที่สุดก็เหลือรูสสี ชาวอิตาลีคนเดียว หนีไปอยู่ประเทศสเปญและก็ถูกจับที่นั่น รัฐบาลสเปญส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาพิจารณาคดีในฝรั่งเศส รูสสีปฏิเสธตลอดข้อหา แต่ก่อนวันที่จะถูกประหาร เขาก็สารภาพว่าได้ร่วมการปล้นจริง และยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ไม่เคยรู้จักกับเลอซูร์ก
มีผู้ร้ายปล้นฆ่าอยู่หกคน แต่ถูกประหารชีวิตเจ็ดคน ถ้าจะมีผู้บริสุทธิ์สักคนหนึ่ง ก็คงเป็นเลอซูร์ก ภรรยาและญาติพี่น้องของเขาขอให้ศาลกลับสัตย์ หลายครั้งหลายหนก็ไม่สำเร็จ ตามความเห็นของประชาชนตั้งแต่นานมาแล้วว่า โจเสฟ เลอซูร์ก เป็นผู้บริสุทธิ์

ลงพิมพ์ในหนังสือ "วีรธรรม" ฉบับที่ ๕๓๗ วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๑๐

0 comments:

Post a Comment